<< Go Back

    ทงกัตสึ (โรมาจิ: tonkatsu) เป็นอาหารญี่ปุ่น ทำจากเนื้อหมูหั่นเป็นแผ่นหนาราวสองเซนติเมตร หมักด้วยเกลือและพริกไทย โรยแป้งบาง ๆ ชุบแป้งผสมไข่และน้ำอันตีจนเหลวเข้ากัน ชุบเกล็ดขนมปังซึ่งเรียก "ปังโกะ" (panko) อีกชั้น แล้วทอดจนสุก รับประทานกับอาหารอื่น เป็นต้นว่า ข้าวสวย, กะหล่ำใบ หรือซุปเต้าเจี้ยว

     โปรตุเกสเป็นผู้นำเข้าทงกัตสึมายังญี่ปุ่น และเดิมเรียก "คัตสึเร็ตสึ" (katsuretsu) และเรียกโดยย่อว่า "คัตสึ" ทั้งนับเป็นอาหารในเหล่า "โยโชกุ" คือ อาหารญี่ปุ่นบรรดาซึ่งดัดแปลงจากอาหารยุโรปในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20

     คัตสึเร็ตสึดั้งเดิมนั้นใช้เนื้อวัวปรุง ส่วนเนื้อหมูที่นิยมกันในปัจจุบันนั้นเริ่มใช้ ณ ร้านอาหารยุโรปแห่งหนึ่งในย่านกินซะ กรุงโตเกียว เมื่อ ค.ศ. 1890

     คำ "ทงกัตสึ" หมายความว่า คัตสึที่ทำจากเนื้อหมู และบัญญัติขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1930

 

1. กระทะ 2. ตะหลิว
   
3. หม้อ 4. ทัพพี
   
5. เขียง 6. มีด
   
7. ช้อนขนาดต่างๆ

8. ที่คีบอาหาร

   
9. ช้อนตวง 10. ถ้วยตวง
   
11. ชามผสม 12. ตะกร้อมือ
   
13. พายซิลีโคน 14. เตาไฟฟ้า
   
 
15. หม้องหุงข้าว  

 

 
1. ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วยตวง 2. น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วย
   
3. ไข่ไก่ 2 ฟอง 4. น้ำมันพืช 500 มิลลิลิตร
   
5. หมูสันนอก 2 ชิ้น6. เกลือ 1 ช้อนชา
   
7. พริกไทยดำ 1 ช้อนชา 8. เกล็ดขนมปัง 1/2 ถ้วยตวง
   
9. แป้งอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง 10. หอมใหญ่
   
11. ผักสลัด 12. ซอสพริก
   
13. มายองเนส 14. งาขาว
   
15. พริกเกาหลี 16. สาหร่ายญี่ปุ่น
   
17. ไข่แดง 4 ฟอง 18. เนยเค็ม 100 กรัม
   



      1. นำข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วยตวง ใส่หม้อหุงข้าว นำข้าวไปซาว เปลี่ยนน้ำไปเรื่อยๆจนกว่าน้ำจะใส

 

     2. เมื่อซาวข้าวเรียบร้อยแล้ว เติมน้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วยตวง แล้วนำใส่หม้อหุงข้าว

 

     3. นำเนื้อหมูสันนอกให้เป็นชิ้น หลังจากนั้นค่อยๆสับไปเรื่อยๆจนละเอียด

 

     4. นำเนื้อหมูที่สับละเอียดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกหมุทงคัตสึหมักด้วยเกลือประมาณ 1/2 ช้อนชาและพริกไทยประมาณ 1/2 ช้อนชา แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน

 

     5. เนื้อหมูสับส่วนที่สองหมูย่าง ปรุงรสด้วย พริกเกาหลีประมาณ 1 ช้อนชา เกลือ 1 หยิบมือ พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา และน้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ งาขาว 1/2 ช้อยชา แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน

 

 

        1. เติมน้ำใส่หม้อประมาณ 1/4 ของหม้อ แล้วตั้งไฟ นำภาชนะสแตนเลสที่ขนาดสามารถใส่ในหม้อได้ เราจะทำการใช้ความร้อนจากไอน้ำทำให้อาหารสุก

 

     2. นำไข่ไก่ 4 ฟอง แล้วแยกไข่แดงและไข่ขาวออกจากัน

 

     3. เมื่อหม้อที่เราตั้งไฟไว้ น้ำเริ่มร้อน นำเนยเค็ม 100 กรัม ใส่ชามสแตนเลสที่เตรียมไว้แล้วคนให้ละลาย

 

     4. เมื่อเนยละลายแล้ว ใส่ไข่แดงที่แยกไว้ แล้วตีให้เข้ากันโดยต้องตีตลอดเวลา พอซอสเริ่มข้นขึ้นให้นำชามออกจากหม้อ แล้วตีไปเรื่อยๆจนกว่าความร้อนจะลดลง

 

     5. นำหมูส่วนแรกมาปั้นให้เป็นก้อนกลมๆแล้วกดให้แบนลง ให้มีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร หากเนื้อหมูติดมือสามารถชุบน้ำได้

 

     6. นำหมูส่วนที่สองที่หมักไว้นำมาปั้นเป็นก้อนเช่นเดียวกัน

 

     7. เตรียมเครื่องสำหรับชุปหมูทงคัตซึ เกล็ดขนมปัง แป้งอเนกประสงค์และไข่ไก่ที่ตีเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว

 

     8. นำหมูทงคัสึที่ปั้นเป็นก้อนไว้ ชุบแป้งอเนอกประสงค์  ชุบไข่ไก่ และชุบเกล็ดขนมปัง

 

     9. นำกระทะใส่น้ำมันตั้งบนเตาไฟฟ้า ให้ได้อุณหภูมิประมาณ 175 องศาเซลเซียส โดยใช้เทอร์โมมิเตอร์ช่วยในการวัดอุณหภูมิ

 

     10. เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่แล้วให้นำหมูทงคัตสึลงทอดจนมีสีเหลืองน่ารับประมาณ แล้วนำขึ้นมาพักไว้

 

     11. นำหมูส่วนที่สองมาย่าง โดยใส่น้ำมันในกระทะประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วรอกระทะร้อน นำหมูที่ปั้นไว้ใส่ลงไป ย่างหมูในกระทะจนสุกโดยใช้ไฟกลาง

 

     12. นำมายองเนสและซอสพริกมาผสมกัน

 

     13. นำหอมใหย่มาปอกเปือกออกแล้วหั่นเป็นแว่นๆ

 

     14. นำหอมใหญ่ที่หั้นเป็นแว่นลงไปย่างในกระทะจนสุก

 

     15. นำข้าวญี่ปุ่นที่หุงไว้มาปั้นเป็นก้อนเพื่อทำเบอร์เกอร์ โดยการชุบมือในน้ำสะอาด แล้วหยิบข้าวมาปั้นให้มีขนาดใกล้เคัยงกับหมูทงคัตสึและหมูย่าง

 

     16. นำข้าวที่ปั้นไว้ 1 ชิ้น นำหมูทงคัตสึมาวางด้านบน ตามด้วยหอมใหญ่ย่าง ผัดสลัด แล้วนำข้าวอีก 1 ชิ้นวางด้านบน

 

     17. ส่วนเบอร์เกอร์หมูย่างก็ทำลักษณะเดียวกันกับหมูทงคัตสึ ข้าว 1 ชิ้น ตามด้วยหมูย่าง หอมใหญ่ย่าง ผักสลัดและข้าว

 

     1. นำเบอร์เกอร์หมูทอดทงคัตสึวางลงบนภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วราดด้วยซอสฮอลันเดส

 

     2. โรยด้านบนด้วยสาหร่ายญี่ปุ่น ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยดอกไม้หรือใบไม้ทานได้

 

     3. นำเบอเกอร์หมูย่างวางลงจานที่เตรียมไว้ ราดด้วยซอสศรีราชามาโย

 

     4. โรยด้านบนด้วยสาหร่ายญี่ปุ่น ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยดอกไม้หรือใบไม้ทานได้

 

     - อัตราส่วนในการหุงข้าวญี่ปุ่นคือ 1:1 เช่น ข้าว 2 ถ้วยตวง : น้ำ 2 ถ้วยตวง

    - ภาษาญี่ปุ่นเรียกข้าวที่เป็นเมล็ดๆว่าโคเมะ  ส่วนข้าวที่หมายถึงของกินเรียกว่าโกะฮัง แปลได้ว่าอาหารที่ควรค่าแก่การยกย่อง หรือมีอีกความหมายว่าสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต ว่ากันว่าชาวญี่ปุ่นเริ่มปลูกข้าวกันมาตั้งแต่ยุคโจมง (ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ราว 14000 ปีถึง 300ปี ก่อนคริสต์ศักราช) โดยเชื่อกันว่าเมล็ดข้าวมาจากประเทศจีน ผ่านไต้หวันและเข้ามาสู่ดินแดนคิวชูทางใต้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของข้าวในดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้
    ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าวถือได้ว่าเป็นสิ่งมีค่ามาก รัฐบาลถึงกับสั่งให้ข้าวเป็นสินค้าควบคุม ดังนั้นชาวบ้านจึงหาทานข้าวขาวได้อย่างยากลำบาก บ้างก็หาบริโภคได้เพียงข้าวที่ยังไม่ขัดสีหรือข้าวกล้องเท่านั้น ข้าวสำหรับญีปุ่นมีความสำคัญมาก ถึงขนาดว่าในยุคหนึ่ง ข้าวเป็นเหมือนภาษีที่ประชาชนต้องจ่ายให้กับรัฐบาลแทนเงินตรา หรือใช้เป็นเครื่องชี้วัดสถานะทางสังคมอีกด้วย (คล้ายระบบศักดินาของไทยเราสมัยก่อน) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ที่ญี่ปุ่นจึงเริ่มหันมาบริโภคแป้งชนิดอื่นๆ หรือขนมปังมากขึ้น เห็นได้จากอาหารกลางวันของนักเรียนเริ่มมีการทานขนมปังแทนข้าวที่เคยทานกันเป็นประจำ หรือเมนูโอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น) ที่คนไทยเรารู้จัก ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงข้าวยากหมากแพงในสมัยสงครามโลกครั้งที่2

     - Steaming คือ วิธีการทำอาหารให้สุกด้วยการใช้ความร้อนจากไอน้ำร้อน ที่ได้จากการต้มน้ำเดือด การนึ่งโดยทั่วไป
จะทำที่ความดันบรรยากาศปกติ ที่อิ่มตัวด้วยไอน้ำ อุณหภูมิอยู่ ระหว่าง 100 -105 องศาเซลเซียส ความร้อนจากไอน้ำจะถูกถ่ายเท ไปยังผิวหน้าของอาหาร ด้วยการพาความร้อน และเข้าสู่ภายในชิ้นอาหารด้วยการนำความร้อน

    ปริมาณของวัตถุดิบที่เชฟกำหนดเป็นเพียงสัดส่วนโดยประมาณ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบของแต่ละบุคคล โดยในที่นี้เชฟได้ปรับเปลี่ยนสัดส่วนของวัตถุดิบ ดังนี้

    1. ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วยตวง
    2. น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วย
    3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
    4. น้ำมันพืช 500 มิลลิลิตร
    5. หมูสันนอก 2 ชิ้น
    6. เกลือ 1 ช้อนชา
    7. พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
    8. เกล็ดขนมปัง 1/2 ถ้วยตวง
    9. แป้งอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง
    10. หอมใหญ่
    11. ผักสลัด
    12. ซอสพริก
    13. มายองเนส
    14. งาขาว
    15. พริกเกาหลี
    16. สาหร่ายญี่ปุ่น
    17. ไข่แดง 4 ฟอง
    18. เนยเค็ม 100 กรัม

   



<< Go Back