<< Go Back

ลักษณะดวงดาว
กลุ่มดาวม้าบินหรือกลุ่มดาวเพกาซัส ลักษณะดวงเป็นกลุ่มดาวที่สังเกตเห็นและจำได้ง่าย เพราะมีดาวฤกษ์สุกสว่าง 4 ดวง ที่มีความสว่างใกล้เคียงกัน เรียงกันเป็นรูป 4 เหลี่ยมจตุรัส เรียกว่า “The Great Square” โดยดวงหนึ่งในสี่ดวง เป็นดาวที่ต่อระหว่างกลุ่มดาวม้าปีก และกลุ่มดาวแอนโดรเมดา (Andromeda) นอกจากนี้ กลุ่มดาวม้าปีกยังใช้ในการหากลุ่มดาวอื่นๆได้ โดยจะขึ้นไปสูงสุดกลางท้องฟ้า ประมาณเที่ยงคืนของเดือนกันยายน
กลุ่มดาวม้าเป็นกลุ่มดาวที่ใช้บอกฤดูกาล ถ้าเห็นตั้งแต่ตอนหัวค่ำ แสดงว่าฤดูหนาวจะเริ่มต้นแล้ว ถ้าคืนใดอยู่กลาง ท้องฟ้าตรงศีรษะเมื่อเริ่มมืด แสดงว่าฤดูหนาวได้เริ่มแล้ว

นิทานดวงดาว
โพเซดอนซึ่งเป็นเจ้าแห่งท้องสมุทร หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเนปจูน (Neptune) เกิดไปหลงรักสาวน้อยนางหนึ่งที่ชื่อว่า เมดูซ่า โดยเมดูซ่าเป็นบุตรของเทพฟอร์ซีส (Phorcys) กับ นางซีโต (Ceto) และเป็น 1 ใน 3 พี่น้องกอร์กอน (Gorgons) โดยเมดูซ่ามีรูปโฉมที่งดงามมาก จนโพเซดอนอดใจไม่ไหวแอบแปลงเป็นม้าเข้ามากุ๊กกิ๊กกับเมดูซ่าในบริเวณวิหารของเทพีเอเธน่า ซึ่งถือเป็นการหลบหลู่กันอย่างแรง เพราะสมญานามของพระนางนอกจากจะเป็นเทพีแห่งปัญญาแล้ว ก็ยังครองตำแหน่งเทพีแห่งพรหมจรรย์อีกด้วย ทำให้นางโกรธเมื่อเล่นหยามหน้ากันเข้ามากุ๊กกิ๊กกันในวิหารศักดิ์สิทธ์ของพระนาง แถมไอ้หนุ่มนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นลุงแท้ๆ ของตัวเองซะอีก เมื่อเอาผิดกับลุงของตัวเองไม่ได้ เอเธน่าจึงหันมาเล่นงานเมดูซ่าแทน เมดูซ่าจึงรับกรรมไปคนเดียวเต็มๆ
พระนางสาปให้เมดูซ่าที่เคยเป็นสาวงามกลายเป็นอสูรกายหน้าตาอัปลักษณ์ เส้นผมสีดำที่เคยเป็นเกลียวสวยงามก็กลายเป็นงูเต็มหัวไปหมด และเมื่อนางมองสิ่งมีชีวิตใดก็ตาม สิ่งนั้นก็จะกลายเป็นหินไป จากหญิงสาวธรรมดาก็กลายเป็นปิศาจร้ายที่มีจิตอันชั่วร้าย จากนั้น ก็ส่งตัวเมดูซ่าไปอยู่เกาะกอร์กอน (Gorgons) เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย เมื่อเวลาผ่านไป เพอซุส (Perseus) ซึ่งเป็นบุตรของเทพซุส (Zeus) กับนางดาเน่ (Danae) ถูกมอบหมายงานมาให้ตัดศีรษะของนางเมดูซ่าโดยกษัตริย์ โพลีเดคทีส(Polydectes) แห่งแคว้นเซริฟอส (Seriphos) ซึ่งเคยให้ที่พักพิงแก่เพอซุสและเจ้าหญิงดาเน่ผู้เป็นมารดาขณะลอยแพมาติด เกาะที่เมืองนี้ ก็เกิดมีใจคิดจะครอบครองเจ้าหญิงดาเน่ จึงคิดจะกำจัดเพอซุสที่เป็นก้างชิ้นใหญ่นี่ไปซะ ก็เลยออกอุบายให้เพอซุสไปตัดหัวเมดูซ่ามาเพราะกษัตริย์โพลีเดคทีสคิดว่ายังไงซะเพอซุสก็คงตายด้วยฝีมือของเมดูซ่าอย่างแน่นอน จากนั้นเพอซุสก็ได้ออกตามหาเมดูซ่าโดยได้รับความช่วยเหลือจากเทพีเอเธน่า ทั้งคำบอกใบ้ไปเกาะกอกอน แถมให้ยืมโล่ห์ของพระนางอีกด้วย แล้วก็ยังมีดาบที่เทพแห่งการสื่อสารเมอร์คิวรีที่ได้มอบไว้ให้ ซึ่งดาบนี้เป็นดาบวิเศษที่ไม่มีวันหักเป็นของแถมให้อีกต่างหาก แล้วในที่สุดเพอซุสก็ได้พบกับเมดูซ่าจนได้ เพอซุสได้ใช้โล่ห์ที่เอเธน่ามอบให้เพื่อป้องกันตัว และใช้วิธีเหลือบมองเงาของนางเมดูซ่าผ่านโล่ห์วิเศษ และในที่สุดเพอซุสก็ตัดหัวเมดูซ่าได้สำเร็จ เลือดของเมดูซ่าที่หยดต้องน้ำของมหาสมุทรก็บังเกิดกลายเป็นม้าวิเศษขึ้นมา ทันทีซึ่งม้าตัวนี้ได้รับการพรรณนาว่าเป็นสัตว์วิเศษที่มีความสวยงามอย่างที่โลก ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน จากนั้นเพกาซัสก็บินรับเพอซุสไปส่งขึ้นฝั่ง แล้วเพกาซัสก็บินตรงไปที่เขาเฮลิคอน (Helicon) ที่มีเทวีแห่งศิลป์ทั้ง 9 นาง หรือที่เรียกว่า Muses (มิวซิส) คอยให้การดูแลเพกาซัสต่อมา พูดง่ายๆ ก็คือเป็นพี่เลี้ยงนั่นเอง (บางตำนานบอกว่าเทพีเอเธน่าเป็นผู้นำไปมอบให้เทวีแห่งศิลป์ที่เขาเฮลิคอนด้วยตัวเอง) จากนั้นเพอซุสก็ได้ปราบมังกรทะเลและช่วยเจ้าหญิงอันโดรเมดรา (Andromeda) แห่งเมืองเอธิโอเปีย ก็ได้ไปรับพระมารดาและพากันไปตั้งเมืองใหม่ที่ชื่อว่าไมซีเน่ (Mycenae) ส่วนหัวของนางเมดูซ่าเทพีเอเธน่าก็นำมาติดบนโล่

ลักษณะดวงดาว
กลุ่มดาวแคสสิโอเปีย เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือ เป็นกลุ่มดาวที่สังเกตและจดจำได้ง่าย ประกอบด้วยดาวฤกษ์สว่าง 5 ดวง เรียงตัวกันเป็นรูปตัวเอ็ม (M) คนไทยจะเห็นเป็นรูปค้างคาว จึงเรียกชื่อกลุ่มดาวนี้ว่า “กลุ่มดาวค้างคาว” ส่วนชาวโบราณจะเห็นเป็นรูปเก้าอี้ ที่ราชินีแคสสิโอเปียทรงประทับอยู่ กลุ่มดาวแคสสิโอเปีย จะเคลื่อนที่รอบดาวเหนือ (Polaris) โดยอยู่ห่างจากดาวเหนือ ประมาณ 30 องศา และอยู่ทิศตรงข้ามกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ (Ursa Major) เสมอ กลุ่มดาวแคสสิโอเปีย จะขึ้นไปสูงสุดกลางท้องฟ้า ประมาณเที่ยงคืนของกลางเดือนตุลาคม
เมื่อมองจากดาวเหนือ ไปทางกลุ่มดาวแคสสิโอเปีย และถัดไปจากกลุ่มดาวแคสสิโอเปีย อีกประมาณ 25 องศา จะพบกลุ่มดาวแอนโดรเมดา (Andromeda) ซึ่งข้างซ้ายจะเป็นอยู่ข้างกลุ่มดาวม้าปีก (Pegasus) และด้านขวาจะเป็นกลุ่มดาวเปอร์ซิอุส (Perseus) นั่นเอง ถ้าผู้ดูดาว อยู่ทางซีกโลกเหนือค่อนข้างมาก จะเห็นกลุ่มดาวนี้ ซึ่งเป็นตัว M หมุนรอบดาวเหนือ ซึ่งทำให้เห็นเป็นอักษร W ขณะที่อยู่ต่ำกว่าดาวเหนือได้

นิทานดวงดาว
แคสสิโอเปีย เป็นนางพรายสมุทรหนึ่งในห้าสิบตนของเทพนิยายกรีกปรัมปราเธอถูกขนานนามว่าจิตวิญญาณลูกสาวแห่งมหาสมุทร ความสวยของเธอเป็นที่เลื่องลือมาก เย็นวันหนึ่งเซเฟอุสกษัตริย์แห่งเอธิโอเปีย (ไม่ใช่ประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน) มาพบเธอเข้าที่ริมหาดจึงตกหลุมรักกับนาง จึงขอแต่งงานด้วยและให้กำเนิดลูกสาวหนึ่งคนชื่อว่าแอนโดรเมดา (Andromeda)
ราชินีแคสสิโอเปีย และเจ้าหญิงแอนโดรเมดาต่างก็มีพระสิริโฉมอันงดงาม แต่ราชินีแคสสิโอเปียกลับโอ้อวดกล่าวว่าตนเองและลูกสาวนั้นมีสิริโฉมงดงามกว่านางพรายสมุทรใดๆ ในโลก ทำให้เทพเจ้าแห่งเนปจูน โพไซดอน (Poseidon) กริ้วมาก จึงส่งสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลมาทำลายเมืองเสีย กษัตริย์เซเฟอุสจึงไปปรึกษาผู้หยั่งรู้ ออราเคิล แห่งแอมมอน ซึ่งมีทางเดียวที่จะหยุดเจ้าสัตว์ประหลาดนี้ได้ จะต้องนำองค์หญิงแอนโดรเมดาไปผูกติดกับก้อนหินในท้องทะเล เพื่อบูชายัญแก่สัตว์ประหลาดเสีย กษัตริย์เซเฟอุสก็ต้องยอมตามนั้น เพื่อรักษาเมืองไว้กล่าวถึงเปอร์ซิอุส (Perseus) หลังเสร็จจากการฆ่านางมารร้ายเมอร์ดูซ่า ซึ่งมีเส้นผมเป็นงู เปอร์ซิอุสเอาหัวนางเมอร์ดูซ่าใส่กระสอบเหาะผ่านมามาพบเจ้าหญิงเข้า… จึงช่วยเจ้าหญิงโดยยกหัวนางเมอร์ดูซ่าให้ดู เจ้างูยักษ์ก็กลายเป็นก้อนหินไป.กษัตริย์เซเฟอุสเห็นดังนั้น จึงยกเจ้าหญิงแอนโดรเมดาให้อภิเษกด้วยเป็นรางวัลที่ช่วยเมืองไว้ได้ หากแต่ราชินีแคสสิโอเปียขัดขวาง ไม่ให้ทั้งสองแต่งงานกัน ในที่สุด เปอร์ซิอุสจึงหันหน้าของเมดูซา ทำให้แคสสิโอเปียกลายเป็นก้อนหิน เทพเจ้าแห่งเนปจูน โพไซดอน จึงนำแคสสิโอเปียไปไว้บนท้องฟ้ากับบัลลังก์ของตนแต่ตีลังกาห้อยหัวลงไว้ เพื่อเป็นการลงโทษนั่นเอง


 

      https://phuketindex.com/travel/photo-stories/other/s-star/cassiopeia.htm
      https://phuketindex.com/travel/photo-stories/other/s-star/pegasus.htm
      https://watcharaporn140.wordpress.com/free-style/กลุ่มดาวต่างๆในทางช้าง/กลุ่มดาวเพกาซัส/

<< Go Back