<< Go Back

ชื่ออื่น ว่านหอยแครง, ว่านแสงอาทิตย์, ฮ่ำหลั่งเฮี๊ยะ, อั่งเต็ก (จีน-แต้จิ๋ว)

ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Rheodiscolor Hance.วงศ์ Commelinaceae เป็นพวกเดียวกับหญ้าปราย

ลักษณะต้น เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ลำต้นแข็งแรง สูงไม่เกิน 50 ซ.ม. ไม่ค่อยแตกกิ่งก้านสาขา

ใบ ออกใกล้ๆ กัน ติดกันเป็นกระจุก ใบหนา แข็งเรียวยาว ยาวประมาณ 15-30 ซ.ม. กว้าง 2.5-6 ซ.ม. ปลายใบแหลม หลังใบสีเขียว ท้องใบสีม่วงแดง มีดอกสีขาว ก้านสั้น หลายดอกออกเป็นช่ออยู่ในกาบหุ้มช่อดอก 2 กาบ ลักษณะคล้ายกาบหอย ยาว 3-4 ซ.ม. มีสีม่วงแดงอ่อนๆ กลีบออกสีขาว มี 3 กลีบ รูปร่างค่อนข้างกลม เกสรตัวผู้มี 6 อัน ก้านเกสรมีขนเกสรตัวเมียไม่มีก้าน รังไข่ 3 รัง แก่แล้วแตกแยกจากกันดอกออกฤดูร้อน ว่านกาบหอยมักพบปลูกเป็นไม้ประดับหรือปลูกไว้ในสวนยาหรือใส่กระถางปลูกเอาไว้ทำยาตามบ้านเรือน

วิธีเก็บมาใช้ ใช้ใบสดหรือตากแห้งเก็บเอาไว้ใช้ ดอกเก็บเมื่อดอกโตเต็มที่ ตากแห้งหรืออบด้วยไอน้ำ 10 นาที แล้วจึงนำไปตากแห้ง เก็บเอาไว้ใช้

สรรพคุณ
ใบ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไอ อาเจียนเป็นเลือด แก้ฟกช้ำภายในเนื่องจากพลัดตกจากที่สูงหรือหกล้มฟาดถูกของแข็ง แก้บิดถ่ายเป็นเลือด แก้ปัสสาวะเป็นเลือด
ดอก รสชุ่มชื่น ใช้ขับเสมหะ แก้ไอแห้งๆ แก้อาเจียนเป็นเลือด เลือดกำเดา ห้ามเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด แกไอเป็นเลือดใช้ต้มกับกับเนื้อหมูกิน แก้บิดถ่ายเป็นเลือดใช้ต้มน้ำกิน

วิธีและปริมาณที่ใช้
ใบ ใช้ต้มกินครั้งละ 15-30 กรัม ใช้ภายนอก ก็ตำพอก
ดอก ใช้ดอกแห้งหนัก 10-15 กรัม หรือดอกสด 30-60 กรัม ต้มน้ำกิน

ตำรับยา
1. แก้ไอ ร้อนในกระหายน้ำ แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้ฟกช้ำภายในเนื่องจากพลัดตกจากที่สูงหรือหกล้มฟาดถูกของแข็ง ใช้ใบสด 3 ใบ ต้มน้ำ ผสมน้ำตาลกรวดเล็กน้อยกิน
2. แก้หวัด ไอมีเสมหะปนเลือด เลือดกำเดาออก บิดจากแบคทีเรีย ใช้ดอกนี้แห้ง 20-30 กรัม ต้มน้ำกิน
3. แก้บิด ใช้ยานี้สด 120 กรัม น้ำตาล 30 กรัมต้มน้ำกินตอนอุ่นๆ โดยทั่วไปกิน 1 ชุด ก็เห็นผลแล้ว เมื่อกินติดต่อกันไปอีก 3-4 ชุดจะหายขาด ไม่มีอาการข้างเคียงอะไร
4. แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน อันเกิดจากการทำนาใช้คั้นน้ำจากใบของต้นนี้มาทาบริเวณมือและเท้า ปล่อยให้แห้งแล้วค่อยลงไปทำนา โดยทาน้ำคั้นของต้นนี้ 1 ครั้ง ก่อนและหลังลงไปทำนา เป็นการป้องกันมือและเท้าเน่าเปื่อย ถ้ามือและเท้าเน่าเปื่อยแล้วก็ทาน้ำคั้นจากต้นนี้เป็นการรักษาได้เหมือนกัน จากการมดสอบ 2,000 ราย ปรากกฎว่าได้ผลดี

 

http://www.rajavithi.go.th/rj/?p=3985

    << Go Back