<< Go Back

          อสุจิ (Sperm) คือเซลล์สืบพันธุ์ของเพศชาย เกิดขึ้นโดยกระบวนการภายในระบบสืบพันธุ์และถูกขับออกจากร่ายกายผ่านทางอวัยวะเพศ โดยการหลั่งระหว่างการร่วมเพศ การหลั่งน้ำอสุจิหนึ่งครั้งอาจมีปริมาณอสุจิน้อยกว่า 1% ที่เหลือคือส่วนประกอบอื่น ๆ ในน้ำอสุจิ ที่จะทำหน้าที่คล้ายกับพลังงานเพื่อให้อสุจิใช้เดินทางไปยังระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงและปฏิสนธิกับไข่ หากการปฏิสนธิสมบูรณ์ก็อาจทำให้เกิดการตั้งครรรภ์ได้
          น้ำอสุจิเป็นอย่างไร น้ำอสุจิมีสีขาวหรือสีเทามักจับตัวกันเป็นลิ่มทันทีภายหลังการหลั่งอสุจิ และกลายเป็นของเหลวหลังจากเวลาผ่านไป 5-40 นาที น้ำอสุจิที่ไม่มีความผิดปกติในด้านสุขภาพหรือภาวะเจริญพันธุ์มักมีลักษณะเป็นลิ่มคล้ายเยลลี่ อสุจิที่ไม่จับตัวกันหรือมีลักษณะเหลวจึงอาจสื่อถึงความผิดปกติของภาวะเจริญพันธุ์ได้ โดยปกติแล้ว ปริมาณของน้ำอสุจิที่หลั่งออกมาจะอยู่ที่ประมาณ 2-5 มิลลิลิตร และไม่ควรน้อยกว่า 1.5 มิลลิลิตร หรือ 5.5 มิลลิลิตร ซึ่งแสดงถึงน้ำอสุจิน้อยกว่าปกติ (Hypospermia) และมากกว่าปกติ (Hyperspermia) ตามลำดับ ทั้งนี้ ปริมาณของน้ำอสุจิอาจขึ้นอยู่กับความถี่ในการหลั่ง ผู้ที่มีการหลั่งอสุจิบ่อยครั้งอาจส่งผลให้ปริมาณน้ำอสุจิลดน้อยลง ในทางกลับกัน หากไม่มีการหลั่งอสุจิเป็นเวลานานอาจทำให้น้ำอสุจิมีปริมาณมาก
          อายุของอสุจิ เมื่อหลั่งน้ำอสุจิออกมานอกร่างกายแล้ว อสุจิจะมีชีวิตอยู่นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และตำแหน่งที่อสุจิอยู่ เช่น บนพื้นผิวแห้ง เสื้อผ้าหรือเครื่องนอน อสุจิมักแห้งตาย แต่มักมีชีวิตยาวนานมากขึ้นในน้ำหรืออ่างน้ำร้อน เนื่องจากอสุจิมักเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณอุ่นและชื้นแฉะ อย่างไรก็ตาม โอกาสที่อสุจิในอ่างน้ำจะเข้าสู่ร่างกายของเพศหญิงและก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ได้นั้นมักเป็นไปได้ยาก บางครั้งอสุจิอาจใช้เวลาหลายวันในการเดินทางผ่านระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงเพื่อปฏิสนธิกับไข่ ดังนั้น การร่วมเพศก่อนวันตกไข่ของเพศหญิง 2-3 วันจึงอาจก่อให้เกิดโอกาสในการตั้งครรภ์ได้
สีของน้ำอสุจิบอกอะไรได้บ้าง
            น้ำอสุจิปกติมีสีเทาขาว ซึ่งมักจะมีลักษณะเหนียวหลังการหลั่ง และจะเหลวเป็นน้ำในเวลาประมาณ 30 นาที อุณหภูมิอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของน้ำอสุจิ แต่มักไม่แสดงถึงความผิดปกติของสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ควรได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ เช่น หากสีของน้ำอสุจิเปลี่ยนแปลงเป็นระยะเวลาต่อเนื่องมากกว่า 1-2 สัปดาห์ประกอบกับอาการปวด ความบกพร่องทางเพศ มีไข้ หรือมีเลือดปะปนในปัสสาวะ เป็นต้น ตัวอย่างอื่น ๆ ของสีและความข้นของน้ำอสุจิอาจบ่งบอกสาเหตุของอาการได้ดังนี้
            - สีชมพูหรือน้ำตาลแดง อาจเกิดจากการอักเสบหรือการปะปนของเลือดในต่อมลูกหมากหรือต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ (Seminal Vesicles) หรือการเพิ่งเข้ารับการตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก ซึ่งมักไม่รุนแรง
            - สีเหลือง อาจมีผลจากการปะปนของปัสสาวะในน้ำอสุจิ โรคดีซ่าน (Jaundice) หรือภาวะการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวในระดับสูงกว่าปกติ (Leukocytospermia)
            - สีเหลืองเขียว อาจแสดงถึงการติดเชื้อของต่อมลูกหมาก
            - อสุจิมีความข้นมาก (Hyperviscous) หรือเคลื่อนไหวช้ามาก อาจเป็นผลจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
การหลั่งน้ำอสุจิเกิดขึ้นได้อย่างไร
            กระบวนการหลั่งน้ำอสุจิเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจใช้เวลาเพียง 0.8 วินาทีเท่านั้น โดยเมื่อร่างกายได้รับการกระตุ้นทางเพศ ท่อนำอสุจิ (Vas Deferens) จะทำหน้าที่ขับน้ำอสุจิจากอัณฑะไปยังท่อปัสสาวะ (Urethra) จากนั้นต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ (Seminal Vesicles) จะปล่อยของเหลวเพื่อผสมเข้ากับน้ำอสุจิที่ท่อปัสสาวะ เมื่อการเร้าอารมณ์ทางเพศสูงขึ้น ท่อปัสสาวะจะส่งสัญญาณไปยังไขสันหลัง (Spinal Cord) ซึ่งทำหน้าที่ออกคำสั่งให้กล้ามเนื้อบริเวณอวัยวะเพศทำงาน และหลั่งน้ำอสุจิออกจากอวัยะเพศเมื่อได้รับการกระตุ้นจนถึงจุดสุดยอด
ต้องใช้อสุจิมากเท่าไหร่ในการตั้งครรภ์
           โดยเฉลี่ยแล้วการหลั่งน้ำอสุจิ 1 ครั้งมักมีจำนวนอสุจิราว 100 ล้านตัว แต่อสุจิเพียง 1 ตัวสามารถทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้โดยการเดินทางไปปฏิสนธิกับไข่ของเพศหญิงผ่านทางช่องคลอดและท่อนำไข่หรือปีกมดลูก ซึ่งจะมีอสุจิเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถเดินทางได้ไกลถึงขนาดนั้น จึงเชื่อกันว่ากระบวนการดังกล่าวคือวิธีการทางธรรมชาติ ในการคัดเลือกอสุจิที่มีความแข็งแรงที่สุดสำหรับการปฏิสนธิ ซึ่งอาจส่งผลต่อการให้กำเนิดบุตรที่มีสุขภาพแข็งแรง


https://www.pobpad.com/อสุจิเป็นอย่างไร

<< Go Back