ความชื้นในดินคืออะไร โดยทั่วไปดินจะประกอบด้วย 3 สถานะ คือส่วนที่เป็นของแข็งหรือเนื้อดินที่ประกอบด้วย แร่ (mineral matter) และสารอินทรีย์วัตถุ (organic matter) ส่วนที่เป็นของเหลวที่ประกอบด้วยน้ำ (water) ส่วนที่เป็นก๊าซที่ประกอบด้วย อากาศและไอน้ำตามรูปภาพ ดังนั้นส่วนที่เป็นของเหลวหรือน้ำในดินจะเป็นความชื้นในดิน คือ ปริมาณน้ำที่ถูกอนุภาคของดินดูดยึดไว้ ทำให้น้ำที่แทรกซึมลงในดินยังคงค้างอยู่ตามช่องของเนื้อดินหรือเคลือบเป็นฟิล์มรอบอนุภาคดิน ถ้าในส่วนของช่องว่างในเนื้อดินมีน้ำอยู่เต็มไม่มีก๊าซอยู่เลยเรียกว่า ดินที่อิ่มตัวด้วยน้ำ แต่ถ้าในช่องว่างของดินมีทั้งน้ำและก๊าซอยู่ด้วยเรียกว่า ดินที่ไม่อิ่มตัว
(a)Three-Phase System of Soil Structure (b) ปริมาณน้ำฝนที่ถูกอนุภาคของดินดูดยึดไว้
สมดุลของดินในน้ำ
ความชื้นในดินมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับสิ่งมีชีวิตในดิน ได้แก่ สัตว์ พืช หรือจุลินทรย์ เนื่องจากน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของพืชและสัตว์ เพื่อใช้ในขบวนการเมทาบอลิซึมต่างๆ เช่าน ขบวนการสังเคราะหร์แสงของพืชและจุลินทรีย์ในดินบางชนิด แล้วความชื้นในดินมาจากไหน โดยในรูปด้านล่างจะแสดงถึงความสมดุลของน้ำในดิน โดยน้ำไหลเข้าคือน้ำฝนที่ตกลงมา หรือน้ำที่ได้จากการชลประทาน ส่วนน้ำไหลออกประกอบด้วย น้ำที่ระเหยออกจากหน้าดินโดยขบวนการการคายระเหยน้ำไหลบ่าหน้าดิน และน้ำซึมลงไปในดิน ซึ่งประกอบด้วยน้ำที่เก็บกักไว้ในดินหรือความชื้นในดินและน้ำซึมลึก การเกษตรจะตัดน้ำไหลบ่าหน้าดิน และน้ำซึมออกซึ่งเป็นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเกษตร และจะพิจารณาระดับน้ำในดินที่ไม่เกินความลึกของรากพืช ดังนั้น
ความชื้น=ปริมาณน้ำฝน - การคายระเหยของน้ำ
สมดุลของน้ำในดิน
ความสัมพันธ์ระหว่างการกระจายความชื้นในดิน และน้ำที่เป็นประโยชน์ต่อพืช
ความชื้นในดินจะเป็นประโยชน์ต่อพืชได้อย่างไร รุปภาพด้านล่างจะแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการกระจายควาวมชื้นในดิน และน้ำที่เป็นประโยชน์ต่อพืช หลังจากฝนตก ดินจะมีระดับความชื้นเท่ากับจุดอิ่มตัว เป็นระดับที่เนื้อดินเต็มไปด้วยน้ำ ที่ระดับนี้เนื้อดินจะไม่ยึดเากะน้ำ จึงเป็นการง่ายที่จะนำน้ำจะออกจากอนุภาคดิน โดยการระเหยจากหน้าดินและซึมลึกไปในดินชั้นล่างด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก พืชจึงใช้ประโยชน์จากน้ำในดินประเภทนี้ได้น้อยมาก และน้ำที่ระดับนี้จะซึมลึกไปชั่วระยะเวลาหนึ่งก็จะหยุดซึมลึก ขณะนั้นระดับความชื้นในดินค่อนข้างคงที่ เรียกว่า ความจุภาคสนามที่ระดับนี้พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย โดยน้ำจะไหลไปมาช้าๆ ในดินเปรียบเสมือนน้ำที่อยู่นิ่งซึ่งจะถูกรากพืชดูดไปใช้และคายน้ำออกทางใบ นอกจากนี้ยังระเหยออกจากผิวหน้าดินได้โดยตรง หลังจากนั้นระดับความชื้นจะลดลงเรื่อยๆ จนถึงจุดเหี่ยวถาวร ซึ่งรากพืชจะดูดน้ำจากดินไม่ได้อีก พืชจะแสดงอาการเหี่ยวถาวรโดยไม่ฟื้นหากไม่ได้เติมน้ำ โดยระบบชลประทานหรือมีฝนตกลงมา ดังนั้นความชื้นในดินที่มีประโยชน์ต่อพืชจะอยู่ในช่วงระหว่างความชื้นระดับความจุสนามและจุดแห้งเหี่ยวถาวร
ความชื้นในดินที่มีประโยชน์ต่อพืช = ความชื้นที่ความจุสนาม - ความช้นที่จุดเหี่ยวถาวร
แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการกระจายความชื้นในดิน และน้ำที่เป็นประโยชน์
http://www.arcims.tmd.go.th/Research_files/ความชื้นในดินที่เป็นประโยชน์ต่อพืช.pdf
|